อยู่เป็น อยู่เย็น



ตีพิมพ์ในคอลัมน์จิตตปัญญา หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ กายใจ
ฉบับวันที่ ๒๑ สิงหาคม ๒๕๕๔

เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา กลุ่มจิตตปัญญาวิถี มหาวิทยาลัยมหิดล และมหาวิทยาลัยไมอามี ร่วมกันจัดโครงการอบรมครูและเจ้าหน้าที่การศึกษาชาวอเมริกัน ในหัวข้อพุทธศาสนากับการอนุรักษ์ธรรมชาติ พวกเขาร่วมยี่สิบชีวิตเดินทางมาเมืองไทยเพื่อเรียนรู้ว่าพุทธศาสนานั้นเกี่ยวข้องและช่วยดูแลสิ่งแวดล้อมได้อย่างไร พวกเราใช้เวลา 10 วัน เรียนรู้กันที่เขาใหญ่ และวัดป่าสุคะโต-วัดป่ามหาวัน จ.ชัยภูมิ ร่วมกับพระไพศาล วิสาโล

มีการจัดกิจกรรมให้ได้เดินป่า ศึกษาธรรมชาติ รวมถึงให้มีประสบการณ์ดำนา ปลูกป่ากันด้วย หากใครเคยลองทำมาแล้วจะรู้ว่าทั้งสองกิจกรรมนี้ไม่ได้ง่ายนัก ดำนาต้องก้มๆ เงยๆ หลังขดหลังแข็ง เดินถอยหลังลุยโคลนในนา ส่วนปลูกป่าทำแนวกันไฟนั้นต้องเดินป่ายปีนที่สูงๆ ต่ำๆ ลุกๆ นั่งๆ ขุดดินปลูกกล้าไม้พื้นเมือง แถมต้องทำกลางวันแสกๆ วันที่ไม่มีฝนก็แดดเปรี้ยง ผิวไหม้ ตัวดำ หนังลอกกันเป็นเรื่องปรกติ แต่ผู้เข้าร่วมกลับชื่นชมกันใหญ่ ชื่นชอบอย่างยิ่ง ออกปากว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีที่สุดอย่างหนึ่งในชีวิตเลยทีเดียว

วันเกือบสุดท้าย มีกิจกรรมให้ออกไปอยู่คนเดียวในธรรมชาติสัก 2-3 ชั่วโมง เท่านั้นล่ะครับ เหมือนกับป่าแตก ถามกันให้แซ่ด ว่าต้องทำด้วยหรือ ทำไปทำไม ทำแล้วได้อะไร เอาไอพ็อดไปฟัง เอาหนังสือไปอ่าน เอากล้องไปถ่ายรูปแก้เหงา แก้เซ็งได้ไหม (คำตอบคือไม่ได้)

หลายคนเกิดความกลัวขึ้นมาจับใจ โดยมากจะกลัวงู กลัวยุง กลัวความมืด (ส่วนคนไทยที่ไปด้วย แน่นอนว่า ... กลัวผี) แต่ที่น่าสนใจ คือ กลัวอยู่กับตัวเองไม่ได้

แม้จะบอกว่าถึงมองไม่เห็นกัน แต่ก็ไม่ได้ไกลนัก แค่ลับตา เดินสองสามนาทีก็ถึง แถมแดดก็ไม่มี จะนั่ง จะเดิน หรือจะนอนก็ยังได้ ขอแค่ให้ได้อยู่กับตัวเอง แต่ก็ดูเหมือนยังไม่ค่อยวางใจ ต้องได้ให้ความมั่นใจและให้เครื่องมือช่วยกันชุดใหญ่ เช่น เจริญสติ ดูจิต เป็นต้น

แต่หลังจากเสร็จกิจกรรมต่างดีใจและภูมิใจกับความสำเร็จของตนเอง ที่ได้ลองอยู่ลองเผชิญกับสิ่งที่อยู่ด้วยยาก โดยเฉพาะสำหรับคนทั่วไปที่ไม่เคยฝึก นั่นคือ ตัวเราเอง

ทั้งๆ ที่ตัวเรานั้นเป็นมิตรแท้ที่สำคัญที่สุดของเราเอง เป็นเครื่องมือในการเข้าถึงความจริงอันสูงสุด แต่มนุษย์ทั่วไปกลับอึดอัดคับข้องใจเวลาต้องอยู่คนเดียวและไม่ได้ทำอะไร

เมื่อเราอยู่คนเดียว เรามักอยู่เงียบๆ เฉยๆ ไม่เป็น เราจึงต้องหาทางออกด้วยการทำตัวให้ไม่ว่าง ทำตาให้ไม่ว่าง ต้องดูหนัง อ่านหนังสือ ทำหูให้ไม่ว่าง ต้องฟังข่าว ฟังเพลง ทำมือให้ไม่ว่าง ต้องเขียน ต้องเล่น ทำปากให้ไม่ว่าง ต้องคุย ต้องกิน ทำเท้าให้ไม่ว่าง ต้องไปเที่ยว ไปเดินเล่น

คนทั่วไปจึงมีชีวิตที่อยู่ยาก คนมักไม่พอใจกับสิ่งที่ตัวเองเป็น สิ่งที่ตัวเองมี ที่ๆ ตัวเองอยู่ ของที่มีสักพักก็เริ่มไม่พอใจ ต้องออกไปหาสิ่งใหม่มาเพิ่ม ที่ๆ อยู่สักพักก็เริ่มเบื่อ ต้องดั้นด้นเดินทางไปดูที่ใหม่ สิ่งใหม่

แต่หากเราได้ลองอยู่กับตัวเองให้เป็น ก็จะพบว่าไม่ยากเกิน ที่จะพบว่าความสุขที่แท้จริงนั้นเกิดจากภายใน ชาวฝรั่งไม่เคยฝึกไม่เคยทำอะไรทำนองนี้มาก่อนเขายังอยู่ได้เลย

ดีใจกับครูชาวอเมริกันที่อุตส่าห์ข้ามน้ำข้ามทะเลมาอบรมเรื่องพุทธศาสนากับการอนุรักษ์ธรรมชาติ เขาไม่เพียงได้เห็นว่าวัดช่วยให้ชุมชนสามารถอยู่ร่วมกับธรรมชาติภายนอกอย่างยั่งยืนได้อย่างไร เขายังได้เห็นด้วยตนเองอีกด้วยว่าธรรมะช่วยให้ตัวเราอยู่ร่วมกับธรรมชาติภายในอย่างสุขสงบได้อย่างไรด้วยเช่นกัน