ตีพิมพ์ในคอลัมน์ Happiness@Work
หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ ฉบับประจำวันที่ 13 มีนาคม 2548
ชีวิตการทำงานทุกวันนี้พวกเราเคร่งเครียดกันมากเหลือเกิน เรากำลังสูญเสียเอกลักษณ์ความเป็น "สยามเมืองยิ้ม" ไปมากขึ้นทุกที อาจเพราะได้รับสมาทานแนวความคิดการทำงานอย่างเป็นจริงเป็นจัง (หรืออย่างเป็นบ้าเป็นหลัง!?) จากลัทธิทุนนิยม
ความคิด "จริยธรรมการทำงาน" หรือ work ethic นี้เป็นที่รู้กันดีว่ามาพร้อมกับการสร้างประเทศสหรัฐอเมริกาของฝ่ายพิวริตัน ดังที่แม็กซ์ เวเบอร์อธิบายเอาไว้เรื่องการกำเนิดระบบทุนนิยม ว่าความเชื่อทางศาสนาได้ถูกนำมาทำให้เข้ากับสังคมแล้วบอกว่าผู้ที่ถูกพระเจ้าเลือกสรรนั้นต้องมี "ชีวิตการทำงานที่ดี" ด้วย
ทั้งๆ ที่แต่ก่อนวัฒนธรรมของเรามีมิติของ ความสนุกและความรู้สึกเล่นๆ อย่างวิถีเซน วิถีตะวันออก ปนอยู่อย่างแนบเนียนกับชีวิตทุกวัน
การปรับวัฒนธรรมการทำงานของสังคมนั้นยากเพราะมีปัจจัยที่เกินไปจากตัวเราอยู่มาก อย่างไรก็ตามมีวิธีมากมายที่เราสามารถปรับสมดุลของชีวิตในวันทำงานของเราอย่างง่ายๆครับ
ลองมาทำอะไรที่มันง่ายๆ เบาๆ มันๆ น่ารักๆ สนุกๆ กันดีกว่า
"ดีตามสะดวกใจ" (random kindness)
ลองทำอะไรดีๆ ให้กับชีวิต โดยไม่ต้องไปคิดอะไรมาก ทำดีแบบง่ายๆ ให้กับตัวเอง เพื่อนร่วมงาน หรือคนอื่นๆ สิครับ
เช้ามาอาจแวะซื้อขนมติดมือฝากพนักงานที่คอยเปิดประตูหรือกดลิฟต์ที่ตึก ทำงานเมื่อยๆ เบรกกาแฟ ตอนเดินกลับมาที่โต๊ะก็หยิบน้ำเย็นฝากเพื่อนร่วมงานที่ร้อยวันพันปีเราไม่เคยหาอะไรให้เลย เที่ยงกินไก่ย่างส้มตำก็เก็บกระดูกไก่ไว้เผื่อเจ้าด่างข้างตึก ตกเย็นเลิกงานแล้วก่อนปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ก็อาจส่งอีเมล์ถึงเพื่อนที่ขาดการติดต่อไปชาติหนึ่ง เขียนความรู้สึกดีๆ ที่เรารู้สึกจริงๆ ถึงเขาอาจแค่สองสามบรรทัดก็พอ อย่าลืมส่ง :-) ไปตอนท้ายด้วยล่ะ พอกลับบ้านก็อาจอาสารอเพื่อนที่เราอาจไม่ค่อยสนิทเดินกลับด้วยกัน
เรื่องง่ายๆ พวกนี้ไม่ต้องวางแผน ไม่ต้องคิดให้เหนื่อย พอสบโอกาสทำอะไรดีๆ ให้กับตัวคนอื่นก็ไม่ต้องรีรอครับ ทำแบบธรรมดาๆ ธรรมชาติๆ
แน่นอนเราอาจโดนเพื่อนๆ มองดูด้วยความงุนงงเล็กๆ ว่า เอ วันนี้เธอไปกินอะไรผิดมาหรือเปล่า ... ไม่ต้องกังวลครับ เราทำดีตามสะดวกใจ
การชักชวนรอยยิ้มและความสุขให้เข้ามาในชีวิตเราแบบง่ายๆ อีกวิธีคือ ทำสิ่งที่ "งามโดยไม่ใช้เหตุผล" (senseless act of beauty) ครับ
ไม่มีนิยามที่แข็งตายตัวครับ อะไรก็ได้ที่เราคิดว่ามัน "งาม" น่ะ คิดให้น้อยหน่อย ใช้ใจล้วนๆ หรือให้มากๆ หน่อย (โดยไม่เดือดร้อนใครนะครับ)
ตัวอย่างเยอะแยะไม่รู้จบครับ เช่น ตื่นเช้าแทนที่สลึมสลือรดน้ำต้นไม้ในชุดนอนก็เปลี่ยนใส่ชุดเก่งไปรดน้ำแทน รดไปคุยกับต้นไม้ของเราไป ดื่มกาแฟก็ลองหยิบถ้วยชุดพิเศษที่ปกติมีไว้รับแขกอย่างเดียวมาใช้ หรือไม่ก็ใช้ถ้วยอลูมิเนียมแบบรีโทรก็งามไปอีกแบบ
จะไปทำงานก็ลองให้ชุดทำงานเขาเลือกเราบ้าง หรือไม่ก็ใส่เสื้อกล้ามตัว "สนุก" ของวันนั้นไป ใส่ไปแล้วก็ "สนุก" อมยิ้มได้ทั้งวัน แม้ว่าจะไม่มีใครเขารู้เขาเห็นกับเราก็ตาม (ฮา) ตอนก่อนออกจากบ้านเด็ดดอกไม้ไปแอบใส่แจกันให้เพื่อนโดยที่ไม่ต้องบอกว่าเป็นใคร
หรือนึกสนุกแทนที่วันนี้จะใช้กระดาษโน้ตธรรมดาหรือโพสต์อิทส่งถึงเจ้านาย ก็เอากระดาษพับออริกามิมาใช้แทน ทานเที่ยงกับเพื่อนก็วางเรียงจานชามแก้วน้ำในตำแหน่งที่ไม่เหมือนปกติ เอาแบบที่คิดว่ามัน "โดน" ที่สุดแล้วสำหรับวันนี้ บ่ายๆ ตัดรูปสวยๆ จากนิตยสารแอบใส่สมุดให้เพื่อนร่วมงาน ก่อนกลับบ้านก็เดินไปแวะสถานที่ที่เราคิดว่าวันนี้ "งาม" ซะไม่มีสักหน่อย
มีวิธีอื่นๆ อีกร้อยแปดพันเก้าครับ ...
ลองค่อยๆ เพิ่มส่วนประกอบหรือมิติของความดีและความงามเข้ามาในชีวิตการทำงานประจำวันของคุณดูครับ แล้วจะเห็นว่าโลกทั้งโลกมีของเล่นสนุกๆ ที่ทำให้เราอมยิ้มได้ทั้งวัน ซุกอยู่เต็มไปหมดเลย :-)
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
0 comments:
Post a Comment