ตีพิมพ์ในคอลัมน์จิตตปัญญา หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ กายใจ
ฉบับประจำวันที่ ๑๓ มีนาคม ๒๕๕๔
ขณะเดินลงจากศาลาวัดป่าบ้านตาด ด้านล่างมีรูปพ่อแม่ครูจารย์ หลวงตามหาบัว พร้อมคำพูดของท่าน “ชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายของเรา เราจะไม่กลับมาเกิดอีกตลอดอนันตกาล” ใจที่รู้สึกอาลัย กลับรู้สึกฮึกเหิมขึ้นมาทันที ผมรู้ในใจทันทีว่านี่แหละคือที่สุด (peak) ของการเดินทางมาอุดรธานีในช่วงเวลาแค่ ๒๔ ชั่วโมงเที่ยวนี้
การได้ไปกราบลาพ่อแม่ครูจารย์ เป็นกิจหนึ่งในชีวิตที่ผมทำแล้วรู้สึกชื่นใจ สบายใจ ทำให้ใจมีพลัง เป็นกิจที่มีคุณค่าและความหมายสำหรับชีวิต
กิจที่ทำนี้มีคุณค่า เพราะเกี่ยวเนื่องด้วยครูบาอาจารย์ของเรา
กิจที่ทำนี้มีความหมาย เพราะมันชี้ว่าเราเป็นคนมีครู
การมีครูบาอาจารย์เป็นส่วนสำคัญในการเติบใหญ่ของเราทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งครูบาอาจารย์ทางด้านจิตวิญญาณนั้นมีคุณค่ามีความหมายต่อชีวิตมาก เพราะว่าท่านไม่ได้ทำให้เรามีแค่เพียงความรู้เท่านั้น
หากเฉพาะส่วนของความรู้ ผมนึกถึงคำกล่าวอันโด่งดังของชาวตะวันตกที่ว่า “ยืนอยู่บนบ่าของยักษ์” (Stand on the shoulders of giants) หากใครเคยไปยังเกาะอังกฤษอาจจะได้เห็นข้อความนี้เขียนอยู่บนเหรียญสองปอนด์สเตอร์ริงด้วย คำกล่าวนี้ถูกทำให้เป็นที่รู้จักแพร่หลายโดยเซอร์ไอแซค นิวตัน ผู้ค้นพบทฤษฎีแรงโน้มถ่วงและวางพื้นฐานของกลศาสตร์คลาสสิก มีหมายความว่าคนรุ่นหลังสามารถพัฒนาความรู้เพิ่มเติมได้มากขึ้นได้ก็เพราะมีความเข้าใจในงานและผลงานวิจัยอันเป็นผลงานที่มีมาก่อนหน้าจากนักคิดนักค้นคว้าในอดีต
แต่สำหรับครูบาอาจารย์นั้น ท่านไม่ใช่เพียงแค่ทำให้เรามีความรู้ ท่านยังเป็นแนวทางคำตอบให้เราด้วย บางครั้งเราเจอสถานการณ์รุนแรง ยากๆ ในชีวิต เมื่ออยู่ในวังวนของเหตุการณ์ อาจงงเป็นไก่ตาแตก นึกไม่ออก ไปไม่เป็น การมีครูบาอาจารย์คือโอกาสที่ได้ไปปรึกษา หรือถึงแม้ท่านไม่อยู่แล้ว ท่านก็ยังเป็นแรงบันดาลใจ เป็นช่องทางที่เราเข้าไปค้นหาคำตอบในตัวเรา เพียงแค่เรานึกว่า หากเป็นท่านล่ะ ท่านจะทำอย่างไร การนึกถึงครูบาอาจารย์ในสถานการณ์ยากลำบาก ทั้งทำให้เราสงบลง ให้เวลากับการใคร่ครวญพิจารณา และเป็นโอกาสทบทวนคำสอน และตัวอย่างการใช้ชีวิตของท่านซึ่งเราเคารพ
การระลึกได้ว่าเราเป็นคนมีครู ทำให้เราดำเนินชีวิตอย่างมีรากฐานที่เราเชื่อมั่นศรัทธา ไม่ว่าในช่วงเวลาสถานการณ์ใดที่เราได้เผชิญ ย่อมมีพลังโน้มนำให้เราละอายและเกรงกลัวต่อการกระทำที่ไม่ดีมากขึ้น
ความกตัญญูระลึกถึงบุญคุณของท่าน ก็อาจเป็นพลังที่มาช่วยชีวิตของเราได้ทันท่วงทีก็เป็นได้ เป็นพลังช่วยจรรโลงจิตใจและบ่มเพาะกุศลในจิต ไม่ให้ชีวิตเราตกไปสู่ที่ต่ำ
ความเป็นคนมีครู เป็นผู้ตระหนักในการมีรากของตนนั้น ทำให้เราเป็นผู้ที่มีความอ่อนน้อมถ่อมตน ทำให้เราไม่หลงอหังการ์ ว่าไม่ใช่เราเก่งคิดเอง เหมือนอย่างที่ฝรั่งหรือเด็กสมัยใหม่ที่มั่นใจในตัวเองจัด จนมักคิดว่าฉันเก่ง ฉันคิดได้เอง หลงไปว่าการคิดวิเคราะห์และข้อสรุปของตนนั้นเป็นที่สุด
เมื่อไม่นานมานี้ ผมได้เล่าเรื่องความหมายของการมีครูบาอาจารย์ที่เราเคารพนับถือให้กับบรรดาลูกศิษย์และรุ่นน้องฟัง ใช้เวลาค่อยๆ อธิบายให้เขาเห็นว่าสายการปฏิบัติที่เขาได้มีประสบการณ์นั้น มีที่มาที่ไป เปรียบเหมือนคนที่อยู่ปลายน้ำได้ใช้น้ำที่สะอาดชื่นใจ เพราะมีตาน้ำบริสุทธิ์ใสให้กำเนิดเป็นต้นธารอยู่บนเขา
ถ้านับจากพ่อแม่ครูจารย์แล้ว พวกเขาอาจจะนับเป็นศิษย์รุ่นที่สี่แล้ว ในขณะที่ถัดขึ้นไปจากท่านก็มีพระอาจารย์มั่น และสามารถย้อนกลับไปถึงสองพันกว่าปี หรือมากกว่านั้นเสียด้วยซ้ำ
คนมีครูก็คล้ายดั่งต้นไม้มีราก ต้นไม้ที่มั่นคงสูงใหญ่ขึ้นไปเหนือพื้นดินเท่าใด ก็ยิ่งต้องมีส่วนที่หยั่งรากลงลึกมากขึ้นเท่านั้น
Subscribe to:
Posts (Atom)