ตีพิมพ์ในคอลัมน์ Happiness@Home
หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ ฉบับประจำวันที่ 28 สิงหาคม 2548


"ได้เรียนรู้จากกระบวนการค่าย ของ จิตอาสา ว่า เรามีจิตปัจเจก กันอยู่เยอะ ที่ทำให้ทั้งตัวเราเองก็ทุกข์ คนอื่นก็ทุกข์ มันจะเห็นชัดขึ้น ในค่ายอาสาฯ และสิ่งที่จะเยียวยาเปลี่ยนแปลงมันได้ มีสิ่งเดียว ก็คือ 'ความรัก' ค่ะ มันทำให้เราก้าวพ้นตัวเองไปทำอะไรเพื่อผู้อื่นได้อย่างมีความสุข"

ข้อความข้างต้นนี้ อาจารย์น้อย ผู้ประสานงานกิจกรรม ปลูกต้นไม้ต่อลมหายใจให้โลก เขียนเล่าจากพื้นที่ปลูกป่ากับดาบวิชัยและหลวงพี่ไพศาส วิสาโล ในเวบไซต์ของเครือข่ายจิตอาสา (VolunteerSpirit.org) ไว้อย่างน่าประทับใจ

ทำไมต้องเป็นงานอาสา ? งานอาสามีความน่าสนใจหลายอย่างครับ ทุกคนที่อาสามาทำงานร่วมกันแม้จะมีที่มา อาชีพหรือฐานะต่างกัน แต่เมื่อมาเป็นอาสาทุกคนก็เท่าเทียมเสมอกัน พร้อมกันนั้นงานที่ทำก็เพื่อคนอื่นเพื่อส่วนรวม ไม่มีตัวเงินเป็นผลตอบแทน

การเริ่มมีจิตอาสาและเข้าสู่การเป็นอาสาสมัครนั้น เริ่มตั้งแต่มีใจที่เห็นคุณค่าของส่วนรวม มีความเมตตาต่อคนอื่น ผนวกกับความมุ่งมั่นต้องการมีส่วนร่วมลงมือทำ ไปจนถึงการได้เรียนรู้ระหว่างคนทำงานด้วยกัน และการเห็นความสำคัญของผลที่เกิดทั้งตัวงานและผลในใจของอาสาสมัครเอง เหล่านี้แหละครับคือกระบวนการอาสาสมัคร

ไม่ใช่คนที่มาทำงานอาสาต้องเป็น "คนดี" ที่ "บรรลุ" แล้วนะครับ หลายคนมาแบบไม่ได้คิดอะไรมาก มาเพราะ อยากสนุก เพื่อนลากมา หรือแค่รู้สึก "อยากให้" เฉยๆ ก็เท่านั้น

แต่ความน่าทึ่งของกระบวนการอาสาสมัครก็คือ มันเป็นกระบวนการที่ทั้งสนุก น่ารัก เซ็กซี่ และมีเสน่ห์ ในตัวมันเอง คนที่ได้มีโอกาสมาเข้าร่วมกิจกรรมแล้ว มักจะหลงรักมันไม่ลืม ราวกับ Love at first sight ปานนั้นเลย ยิ่งเดี๋ยวนี้มีกิจกรรมที่จ๊าบๆ เกิดขึ้นมากมายสำหรับทุกเพศ ทุกวัยด้วย

การทำงานอาสาเป็นกระบวนการที่ทำให้คนเกิดการเปลี่ยนแปลงขั้นพื้นฐาน (fundamental transformation) ได้ การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ใช่แค่ชั่วครั้งชั่วคราวประเดี๋ยวประด๋าว แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงจากภายในครับ อาสาหลายคนบอกไว้ชัดเจนว่าการมาทำงานอาสาได้เปลี่ยนความคิดและการมองโลกของเขาและเธอ ดังเช่นที่เราได้อ่านความในใจของอาสาปลูกป่าว่า ความรักช่วยให้มองข้ามความเป็นตัวเราของเราไปสู่การร่วมทุกข์และทำอะไรเพื่อคนอื่น

ความรักและจิตอาสาเพื่อคนรอบข้างนี้ ไม่ใช่แค่ความรู้สึกหรือเรื่องที่คิดไปเองนะครับ เพราะฮัมเบอร์โต มาทูรานา นักชีววิทยาและนักปรัชญาชาวชิลี ผู้โด่งดังจากแนวคิดเรื่อง ออโตพอยเอซิส (Autopoiesis) และ ทฤษฎีซานติอาโก (Santiago Theory) อันเป็นทฤษฎีแรกทางวิทยาศาสตร์ที่เชื่อมโยงจิตกับสสาร เข้าด้วยกัน ได้กล่าวว่า "ความรักเป็นอารมณ์ที่ขยายขอบเขตปัญญา" ของมนุษยชาติ เพราะความรักนั้นเชื่อมโยงเราเข้าด้วยกัน

ความรักที่เชื่อมโยงเราทุกคนเข้าด้วยกันนี่แหละครับที่เป็นพื้นฐานของจิตอาสา ในช่วงต้นปีนี้ เราได้เห็นผู้คนจำนวนมากเดินทางลงใต้ไปทำงานอาสาช่วยเหลือผู้ประสบภัยสึนามิ อาสาสมัครกลุ่มต่างๆ ได้ร่วมใจกันทำงานอย่างแข็งขัน ไม่ว่าจะเป็นที่วัดย่านยาว ที่ศูนย์อาสาสมัครสึนามิ และที่อื่นๆ อีกมาก หลายคนได้เล่าว่า การเป็นอาสาสมัครทำให้ได้พบเห็นทุกข์ของคนอื่น ได้เข้าไปมีส่วนรับรู้อย่างเห็นใจและเข้าใจ เกิดความรักที่ไม่จำกัดแค่เรื่องเกี่ยวกับตัวเอง แต่เป็นความรักที่มีให้แก่ผู้คนรอบข้าง ทำให้เกิดความสุขราคาถูก ที่ทุกคนเข้าถึงได้ง่ายๆ

งานอาสาจึงส่งเสริมให้ทุกคนได้มีจิตอาสา ในการทำสิ่งดีๆ เพื่อสังคม หากคุณสนใจลองมาร่วมกิจกรรมอาสาสมัคร ... ตอนนี้เครือข่ายจิตอาสา ได้รวมตัวกัน "บอกบุญ" เนื่องในเทศกาลบุญใหญ่ของชาวไทย คือ เข้าพรรษา ในช่วงสามเดือนนี้ มีกิจกรรมให้ร่วมมากมาย อาทิ

๑) สืบสานคลื่นน้ำใจกู้ภัยสึนามิ งานฟื้นฟูสภาพแวดล้อมและที่พักอาศัย จ.พังงา
๒) ผ้าป่าเพื่อการพัฒนาเด็ก ปรับปรุงพื้นที่ดูแลเด็กแรกเกิดถึง 6 ขวบ กรุงเทพฯ
๓) แบ่งปันน้ำใจให้เพื่อนร่วมโลก ดูแลสุนัขและแมวร่วมกับป้าสำรวยผู้อาทร จ.นครนายก

นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมสร้างบ้านดิน นวดเด็กบ้านปากเกร็ด และปลูกป่า ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมหรือสมัครได้เลยครับ ที่หมายเลข 02-866-2721-2 และ www.VolunteerSpirit.org ... ด่วนนะครับ เพราะบางกิจกรรมเริ่มเต็มแล้ว

จิตอาสา ยังเป็นกิจกรรมที่ทั้งครอบครัวสามารถมีส่วนร่วมด้วยกันได้ อย่างในงานปฐมนิเทศอาสารุ่นแรก เมื่อวันเสาร์ที่ 6 สิงหาคมที่ผ่านมา อาสาหลายคนบ้างก็พาแฟน พาครอบครัวมาด้วย ทั้งครอบครัวก็ได้เรียนรู้การทำงานเพื่อคนอื่นที่แตกต่างไปจากชีวิตการทำงานปกติ การมีความรักที่เผื่อแผ่ให้ผู้คนรอบข้าง แน่นอนว่าย่อมส่งถึงคนใกล้ตัวในครอบครัว และเสริมพลังรักให้กับคนที่บ้านได้มากขึ้น

ไม่เพียงแต่กิจกรรมจิตอาสานะครับ หากคุณมีเวลาจำกัดไม่สะดวกที่จะร่วมทางกับกิจกรรมต่างๆ ข้างต้น คุณอาจเริ่มพัฒนาความรักที่คุณมีให้กับคนรัก ความรักต่อพ่อแม่ ความรักกับเพื่อนฝูง ไปสู่การมีจิตอาสาทำสิ่งดีๆ เพื่อเขาเหล่านั้น โดยไม่ต้องรอโอกาส หรือเทศกาลพิเศษใดๆ แล้วจะพบว่า การก้าวพ้นตัวเองไปทำอะไรเพื่อผู้อื่นได้อย่างมีความสุข ดังที่อาจารย์น้อยกล่าวไว้ เป็น Happiness@Home ความสุขง่ายๆ ทำเองได้ที่บ้านทุกวันเช่นเดียวกัน

"วันนี้ คุณรักใครหรือยัง?" อาจารย์น้อยเขียนส่งท้ายบทความของเธอไว้ :-)

1 comments:

ocean-ocean said...

อ่านแล้วคิดถึงความรู้สึกดีๆ ในวันนั้นค่ะ เวลาที่ได้รักใครแบบไม่มีเงื่อนไข แล้วหัวใจมันฟู เพราะมันขยายใหญ่ขึ้นๆๆๆ ไปตามความรักนั้นด้วย เป็นความรักที่ยิ่งให้ยิ่งได้จริงๆ นะ..

มีคนเคยบอกว่า "วันไหนที่มีความทุกข์ ก็ขอให้หันมามองวันนี้ ที่ได้ทำอะไรดีๆ ให้คนอื่น ที่สึนามิ.. มันจะเติมข้างในเราให้เต็มได้.."

เสียดายจัง จำไม่ได้ว่าใครพูด แต่เป็นผู้ใหญ่ที่ได้ฟังเราเล่าเรื่องไปทำงานอาสา มาถึงวันนี้ วันไหนที่ได้ย้อนหลังไประลึกถึงเรื่องราวดีๆ ตอนทำงานอาสา วันนั้น ความทุกข์ก็ดูน้อยลงไปทันที

เพราะเรารู้จักเอาหัวใจไปไว้ที่คนอื่นบ้าง ได้แบ่งปันความทุกข์ของเขา มันทำให้ความทุกข์ที่เราแบกไว้เป็นเรื่องเล็กน้อย ส่วนหนึ่งก็คงเป็นเพราะมันเล็กจริงๆ เมื่อเทียบกับความทุกข์ของโลก แต่อีกส่วนหนึ่ง ก็เป็นเพราะ ความรักที่เราให้คนอื่น ทำให้เราอบอุ่นขึ้นด้วย เราไม่ได้อยู่คนเดียว.. แบบที่มีคนบอกว่า เวลาเรากอดคนอื่น คนกอดก็อุ่นขึ้นด้วย..

ขอบคุณโลกที่ทำให้เราได้รักคนอื่น.. :-)