ช่างสามัญไม่ธรรมดา



ตีพิมพ์ในคอลัมน์จิตตปัญญา

หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ กายใจ

ฉบับวันที่ 2 กันยายน 2555

ที่จอดรถช่วงเที่ยงวันธรรมดากลางสัปดาห์นั้นหาได้ไม่ยากนัก ไม่ต้องขับวนก็มีที่ จอดเสร็จพลางนึกในใจว่าวันนี้คงใช้เวลาไม่นาน เพราะอุตส่าห์เลือกมาเวลานี้

แต่เมื่อพลันก้าวเข้าไปในร้านตัดผม ก็ต้องแปลกใจเพราะว่ามีลูกค้านั่งรออยู่สองคน ขณะที่ช่างทั้งสามคนกำลังง่วนอยู่ ช่างประจำของผมยิ้มพร้อมผายมือให้ไปนั่งรอก่อน

ระหว่างนั่งรอเห็นช่างเขาหันมาทางผมบ่อยๆ พร้อมมีสีหน้ากังวลเล็กน้อย ผมมองไปรอบๆ จึงเห็นว่าหนึ่งในลูกค้าสองคนที่มาก่อนเป็นวินมอเตอร์ไซค์ สวมหมวกผ้าใบเล็กแนบศีรษะ ดูเหมือนผมก็ไม่ยาว ผมได้แต่เก็บความสงสัยไว้ในใจ

พอช่างของผมตัดเสร็จ เขาก็เริ่มพับผ้าคลุม ผ้าขนหนู หยิบกระเป๋าใบเล็กขึ้นมาแล้วหยิบผ้าใส่ลงไป พร้อมหยิบปัตตาเลี่ยนมาม้วนสายไฟเก็บอีก ผมทั้งงงทั้งสงสัยเข้าไปใหญ่ว่า อ้าว จะเก็บของไปไหนนี่ เก็บเสร็จเขาทำท่าทางขอโทษขอโพย ยกมือยกไม้เหมือนบอกเวลาว่าแป๊บเดียวไม่กี่นาที นั่นไม่ช่วยให้ผมเข้าใจอะไรมากขึ้นเลย แต่พอจะเอ่ยปากถาม หนุ่มวินมอเตอร์ไซค์ก็พาช่างผมออกไปจากร้านเรียบร้อยแล้ว

ช่างอีกคนคงเห็นเครื่องหมายคำถามเต็มใบหน้า มีน้ำใจบอกผมว่า "เดี๋ยวช่างเขาก็กลับมาครับ"

อ้อ แล้วผมจะต้องรอนานสักเท่าไหร่ละนี่? เอาเถิด ไหนๆ ก็มาแล้ว จะกลับไปก็เสียเที่ยว ทำใจสบายนั่งรอไปละกัน รีบไม่รีบก็เป็นสุขใจได้อยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องอึดอัดอะไร

สักพักใหญ่ ช่างประจำตัวก็เดินกลับเข้ามา เขากุลีกุจอเอาของออกจากกระเป๋า ปาดเหงื่อแล้ว ปัดเศษผมออกจากเก้าอี้ แล้วเชิญผมไปนั่ง

คำถามนั้นไม่เป็นสิ่งจำเป็น เขาเริ่มเล่าพลางเริ่มกระบวนการตัดที่คุ้นเคย ผมสังเกตว่าแม้ว่าดูเขาจะเหนื่อยมา แต่ละขั้นตอนก็ยังคล่องแคล่ว ว่องไว และปราณีตเช่นทุกครั้ง สมกับเป็นช่างฝีมือดีที่ผมไว้วางใจ

"ขอประทานโทษทีนะครับพี่" น้ำเสียงเขานอบน้อม เรียกผมเป็นพี่ทุกคำแม้ว่าจะผมจะอายุอ่อนกว่า "ไปตัดผมให้คุณลุงท่านหนึ่งแถวนี้มาน่ะครับ ให้คนมาเรียกผมหลายครั้งแล้ว แต่ผมคิวแน่นตลอด วันนี้แกเลยส่งลูกน้องมารอรับเลย"

คุณลุงที่เอ่ยถึงนั้นอายุอานาม 80 กว่า อยู่ซอยแถวนี้ ลูกหลานอยากให้ตัดผม แต่ไม่สามารถเดินมาด้วยตนเองได้

"ถือว่าไปดูแลญาติผู้ใหญ่น่ะครับ น่าสงสารคนเหล่านี้นะ แก่แล้วหลายก็ออกไปไหนมาไหนไม่ได้ เราลองเอาใจเขามาใส่ใจเรา ก็เลยยินดีไปครับ อีกหน่อยเราก็เองก็ต้องแก่เหมือนกัน"

โดยมากช่างมักไม่ค่อยชอบไปตัดผมตามบ้านให้คนมีอายุ เพราะมักมีปัญหาสุขภาพ "ฉี่อึรดที่นอนก็มี หรืออย่างสัปดาห์ที่แล้ว ผมไปตัดให้คุณลุงอีกคนแม้อายุไม่มากเท่า แต่เป็นเบาหวานต้องตัดขาทั้งสองข้าง นั่นก็ต้องไปช่วยอุ้มจากเตียงขึ้นมานั่ง ตัดก็ยากกว่าตัดปรกติครับ" เขาเล่าด้วยความตั้งใจ ไม่มีน้ำเสียงของการบ่นแต่ประการใด

"แต่ผมเข้าใจได้ คุ้นเคยดี แต่ก่อนตอนนู้นยังไม่มีครอบครัว ผมก็อาสาไปตัดให้พวกคนไข้ พวกทหารที่โรงพยาบาลทหารผ่านศึกเสมอๆ เห็นใจเขาครับ ใครๆ ก็อยากได้ตัดผมแต่ไม่มีช่าง เดี๋ยวนี้เสียดายผมไม่ค่อยได้ไปแล้ว ต้องดูแลที่บ้าน"

ผมนั่งฟังด้วยความซาบซึ้ง เกิดปีติมีขนลุกบ้างเป็นครั้งคราว แค่ครู่เดียวก็ตัดเสร็จ เพราะตัดง่าย ทรงเดียวกับที่ไว้มาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม

เรากล่าวขอบคุณซึ่งกันและกันเช่นทุกครั้ง แต่ครั้งนี้ผมตั้งใจขอบคุณเขามากเป็นพิเศษ รู้สึกโลกนี้งดงามน่าอยู่ไม่น้อย เดินออกมาจากร้านรู้สึกดีที่ได้เลือกที่จะนั่งรอเกือบชั่วโมงก่อนหน้านั้น

0 comments: