สุขดี...ไม่มีหวัง


ตีพิมพ์ในคอลัมน์ Happiness@Home
หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ ฉบับประจำวันที่ 20 พฤศจิกายน 2548


ผมเพิ่งพบกับเพื่อนคนหนึ่งมาครับ เขาเล่าประสบการณ์น่าสนใจของเขาในช่วงเดือนที่ผ่านมาให้ฟังผมว่า เขาได้รับผิดชอบงานสำคัญโครงการหนึ่ง และให้เวลากับงานนี้วันละมากกว่า ๑๒ ชั่วโมง ทำงานทุกวันติดกันต่อเนื่องไม่ได้หยุดเลยแม้แต่วันเสาร์อาทิตย์ แต่ปรากฏว่า แม้จะทุ่มเทเวลาให้งานมากเท่าไหร่ ตัวเขาเองกลับทำงานช้า หรือไม่มีไอเดียดีๆ ออกมามากนัก เพราะคิดอยู่เสมอว่างานนี้ไม่ง่าย ต้องเกี่ยวข้องกับคนหลายฝ่ายหลายองค์กร บางองค์กรก็ไม่ถูกกัน กำหนดเส้นตายวันปิดโครงการก็ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ

เขากังวลตลอดเวลาเลยครับว่างานจะไม่เรียบร้อย เพราะว่ากำหนดส่งงานจะมาถึงในอีกไม่ช้า เขากังวลมากจนถึงขั้นจินตนาการนึกภาพไว้ล่วงหน้าถึงวันกำหนดส่งงานได้เลยว่า การนำเสนองานต่อที่ประชุมในวันนั้นอาจจะล้มเหลวแน่ คณะกรรมการต้องให้เขาไปปรับแก้ และแย่กว่านั้นคือถูกหัวหน้าตำหนิแน่นอน เพื่อนของผมยอมรับว่า เขาคาดหวังไว้กับงานนี้มาก แต่ก็รู้สึกเป็นทุกข์มากเช่นเดียวกัน สุดท้ายถึงแม้งานจะเสร็จทันส่ง และไม่มีอะไรแย่อย่างที่คิด แต่เขาก็พบว่าทำงานด้วยความเครียดบนความกลัวมาตลอดทั้งเดือน ทั้งๆ ที่เป็นงานที่เขาชอบ

ไม่เพียงแต่เรื่องงานเท่านั้นครับ เหตุที่โครงการนี้ทำให้เขาต้องรีบมาแต่เช้าแล้วกลับบ้านดึกทุกวัน ทำให้เขามีพื้นที่และเวลาส่วนตัวลดลง โอกาสจะได้เจอกับคนรักก็หายไปด้วย ปรกติทั้งคู่จะนัดพบกันอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้งในวันหยุดสุดสัปดาห์ แต่นี่ทั้งเดือนไม่พบปะเห็นหน้าค่าตากันเลย หลังจากภารกิจงานสำคัญชิ้นนี้เสร็จลง เขาก็คิดว่าควรจะหาของขวัญให้กับเธอสักชิ้น สื่อความหมายนัยหนึ่งเพื่อเป็นการขอโทษที่ไม่ได้ใกล้ชิดเอาใจใส่ อีกทางหนึ่งเพื่อบอกว่าเขายังรักและห่วงใยเธอเหมือนเดิม เพื่อให้ได้ของขวัญที่ถูกใจเธอ เขาลงทุนซื้อน้ำหอมต่างประเทศ พนักงานขายก็ช่วยกุลีกุจอเลือกกลิ่นให้ เขาเองก็ถามแล้วถามอีกจนมั่นใจว่ากลิ่นนี้ ยี่ห้อนี้ ได้รับความนิยม น่าจะถูกใจแฟนที่เป็นคนรักสวยรักงามและทันสมัย

ปรากฏว่าเมื่อแฟนเขาแกะห่อของขวัญออกมาพบว่าเป็นน้ำหอมขวดราคาหลายพัน เธอก็ขมวดคิ้ว บอกเขาว่าซื้อยี่ห้อนี้มาทำไมกัน สิ้นเปลืองเปล่าๆ เธอใช้อีกยี่ห้อนึงเป็นประจำอยู่แล้ว แถมถ้าจะซื้อน้ำหอมต้องได้ลองกลิ่นก่อน เพื่อนผมได้เห็นสีหน้าได้ยินแฟนว่าดังนี้แล้วก็จ๋อยทันทีครับ รู้สึกน้อยใจ ผิดหวัง และรู้สึกแย่ที่ทำดีแล้วไม่ได้ดี นึกถึงวลีว่าทำคุณบูชาโทษขึ้นมาทันที แม้ว่าเย็นวันนั้นแฟนทำอาหารอร่อยๆ ให้ทาน แต่เขาก็ไม่รู้สึกถึงรสอาหาร ใจมันกลัดกลุ้มว่าไม่น่าซื้อน้ำหอมมาให้เป็นของขวัญเลย เขาพาลน้อยใจจนคุยอะไรก็ไม่สนุก ทั้งที่อุตส่าห์ได้เจอกันวันแรกในรอบหนึ่งเดือน

ผมเอาเรื่องเพื่อนมาเล่าสู่กันฟังในวันนี้เพื่อบอกเล่าเรื่อง ๒ ประเด็นครับ ประเด็นแรกคือการทำงาน เราเห็นได้ชัดเลยครับว่าเป็นเรื่องการคาดหวังที่ทำให้เกิดความกังวลในสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น เพราะขณะที่เขากำลังทำงานใจก็คิดไปถึงอนาคตที่ยังมาไม่ถึง ด้วยการจินตนาการ คาดเดา และคาดหวังไปต่างๆ นานา การทำงานที่มัวแต่กังวลถึงเรื่องเหล่านี้ เป็นการผูกติดความรู้สึกของเราไว้กับอนาคตครับ ขึ้นชื่อว่าเป็นอนาคตย่อมแน่นอนว่าเป็นสิ่งที่ยังมาไม่ถึง และเมื่อมาถึงแล้วอาจเป็นไปตามที่คาดหรือไม่ก็ได้ ฉะนั้น การคาดหวังและกังวลต่ออนาคตวันข้างหน้า เดือนหน้า ปีหน้า สิ่งที่เกิดขึ้นกับเราจะมีแต่ความเครียดและความกลัว

ประเด็นที่สองคือเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างคนรัก เรื่องที่เขาซื้อของขวัญให้กับแฟนก็ชัดเจนเช่นกันครับว่าเป็นเรื่องของความผิดหวัง เพราะหวังไว้ว่าผลจากการกระทำหรือจากการให้ของ น่าจะทำให้ผู้รับดีใจและชื่นชม แต่เมื่อผลกลับกลายไม่เป็นไปตามคิด เขาจึงผิดหวังเพราะไม่พอใจกับปฏิกิริยาของแฟน เรียกได้ว่าทำอะไรดีๆ ให้คนที่เรารัก แต่เขากลับทำตัวไม่น่ารักเท่าไหร่ ความผิดหวังก็พาลให้นึกไปถึงอดีตว่าถ้าย้อนเวลากลับไปได้ จะไม่ทำ จะไม่ซื้อของ หรือจะซื้ออย่างอื่นมาแทน ใจหมกมุ่นกับอดีตก็มีแต่ความเสียใจ และความโกรธ อะไรตรงหน้าที่ดีๆ ก็ไม่รับ ไม่มีความสุขกับอาหารที่แฟนทำให้

เพื่อหลีกเลี่ยงความรู้สึกไม่พึงประสงค์ทั้งหลายแหล่ ไม่ว่าจะเป็นความเครียด ความกลัว ความโกรธ เสียใจ เราหันมาแสวงหาความสุขกันดีกว่าครับ ในเมื่อความรู้สึกบ่อนทำลายจิตใจต่างๆ นี้ มีที่มาจากการคาดหวัง และการผิดหวังของเรา ผมจึงชวนให้พวกเรา “ไม่หวัง” กันครับ

ทั้งในที่ทำงานและที่บ้านเลยนะครับ เราสามารถทำงานที่ชอบ ทำงานที่สนุก และมีความสุขจากการได้ทำงานเหล่านั้น ไม่ต้องคาดหวังแล้วกลัวหรือกังวลในสิ่งที่ยังมาไม่ถึง สำหรับที่บ้าน สำหรับคนที่เรารัก เมื่อไหร่ก็ตามที่เราได้ทำอะไรให้เขา เราควรมีความสุขที่ได้ทำให้โดยไม่คาดหวังว่าจะได้รับอะไรตอบแทน ไม่ว่าจะเป็นคำขอบใจ ยิ้มปลื้ม หรือหอมแก้มเป็นรางวัลสักฟอด

ไม่หวังในที่นี้ จึงเป็นการไม่คิดไปเองก่อน ทำดีที่สุดโดยไม่ลังเลว่าทำแล้วจะดีหรือไม่ ไม่นึกกังวลไปว่าทำแล้วจะเกิดอะไรขึ้น ไม่เสียใจในผลของการทำดีให้คนที่เรารัก แม้ว่าบางครั้งเขาจะทำตัวไม่ค่อยน่ารักสักเท่าไหร่ เอาเป็นว่าเราตั้งใจดีและมีความสุขกับสิ่งที่ทำ ณ เวลาปัจจุบัน ดีที่สุดแล้วครับ

ไม่หวังต่างจากไม่วางแผนหรือไม่ตัดสินใจนะครับ เพราะว่าในชีวิตแต่ละวันของเรานั้น เราได้พยายามเลือกสิ่งที่ดีที่สุด ณ เวลานั้นเสมอครับ ไม่มีใครหรอกครับที่จะเลือกสิ่งที่ดีกว่ารองลงไป ถ้าในเวลานั้นมีทางเลือกที่ดีกว่า เช่น ตัดสินใจซื้อน้ำหอมให้เป็นของขวัญเพราะข้อมูลที่มีเวลานั้นคือแฟนเราชอบ ตัดสินใจสั่งข้าวผัดแทนราดหน้าเพราะรูปในเมนูดูน่ากินกว่า

หาความสุขจากการทำงานที่รัก ได้ทำอะไรให้คนรักที่บ้าน ไม่ต้องคาดหวังผลตอบแทนหรือผิดหวังจากผลที่เกิดขึ้นหรอกครับ มีความสุขในปัจจุบันนี่แหละครับ เป็นความสุขที่แท้จริงและขึ้นอยู่กับตัวเราเองด้วยครับ เชิญชวนให้ลองไม่หวังกันดูนะครับ Happiness@Home และ Happiness@Work เกิดขึ้นได้เริ่มจากใจเราเองครับ :-)

0 comments: