ตลาดเก่าแห่งใหม่



















ตีพิมพ์ในคอลัมน์จิตตปัญญา หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ กายใจ
ฉบับประจำวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๕๓

หลังจากครอบครัวร่วมกันนั่งภาวนาเมื่อคืน แม้ว่าคุณแม่จะง่วงแล้ว แต่ก็ไม่ลืมเตือนให้รีบตื่นมาทานอาหารที่แม่เตรียมไว้แต่เช้านะ เพราะเรามีนัดไปจ่ายกับข้าวซื้อของที่ตลาดเก่าเยาวราชด้วยกัน

ถึงยามเช้า กลิ่นกับข้าวหอมกรุ่นเคล้ามากับเสียงตะหลิวคุยกับกระทะอย่างออกรสออกชาติ บนโต๊ะมีบวบผัดไข่ กุ้งแชบ๊วยอบ ไข่ตุ๋นเต้าหู้ วางเรียงราย ถัดจากข้าวกล้องหอมมะลิชั้นดีจากทุ่งกุลาร้องไห้ควันฉุย เหยาะด้วยเสียงหัวเราะพูดคุยของคนร่วมโต๊ะ เหมือนได้เริ่มวันใหม่แบบร้อยสิบเปอร์เซ็นต์

ระหว่างเดินทาง แม่บอกว่าไม่ได้มาตลาดเก่านี่หลายปีแล้วนะ ลูกๆ แย้งว่าไม่จริงหรอก รับรองครั้งสุดท้ายที่มาไม่เกินปีแน่นอน ผมนึกในใจว่าไม่ใช่ความจำของแม่ไม่ดีหรอก แต่เพราะความรู้สึกคิดถึงและชอบมาต่างหาก เลยรู้สึกว่านานจัง

ลงจากรถ หยิบถุงผ้าสามใบ แม่ดูสดใสมีพลังอย่างเห็นได้ชัด พวกเราแวะทำบุญทิ้งกระจาดวัดเล่งเน่ยยี่ แม่บริจาคทำบุญในนามครอบครัวแล้วยังฝากทำบุญให้ป้าที่อยู่แดนไกลด้วย ผมเสนอว่าจะอีเมลรูปใบอนุโมทนาบัตรไปให้ลูกชายคุณป้าที่มาเลเซีย คุณแม่ดีใจใหญ่

เริ่มเข้าตลาดเก่า แม่ยิ้มกว้าง เล่าเรื่องความประทับใจวัยสาว ตั้งแต่ลักษณะร้านรวง ยันลักษณะคนขายสองข้างทาง เดี๋ยวนี้อะไรๆ ก็เปลี่ยนไป คุณแม่บอก

แม่มักจะมีความสุขกับการได้เลือก ได้ต่อราคา ลูกๆ อธิบายให้กันฟังว่า “เป็นส่วนสำคัญของ transaction” หยิบผักมาพลิกไปพลิกมาเสียหน่อย ลูกพลับตากแห้งต้องเฟ้นอย่างดีจากถุงด้านใน ที่ลูกๆ ดูยังไงก็ไม่เห็นว่ามันจะต่างกัน

แม่ค้าหยิบถั่วงอกหัวโตใส่ถุง ผมน้ำลายสอ พรุ่งนี้สงสัยได้กินแกงจืดของโปรด แม่เดินถือถุงออกมา บอกว่าแม่ค้าคนที่มาเฝ้าแผงแทนเขาคิดราคาผิด ยืนยันว่า เห็นไหม ทำไมเราต้องต่อ ต้องเลือก ต้องใช้เวลาแต่ละที่นานหน่อย

รายการของที่ตั้งใจจะไปซื้อเริ่มสั้นลง (ธูป กระดาษเงินกระดาษทอง ใบชา วุ้นเส้น เกาลัด เห็ดหูหนู ฯลฯ) ส่วนรายการของที่ไม่ได้ตั้งใจซื้อ แต่ก็ได้มา เริ่มยาวขึ้น (ฟักเชื่อม ลูกพลับ ปลา ฯลฯ)

ผมนึกถึงตอนเด็กๆ การมาตลาดเก่าเป็นหนึ่งในประสบการณ์ที่แม้จะไม่ได้แย่อะไร แต่ก็ไม่ได้น่ารื่นรมย์นัก เรียกว่าถ้าไม่มาได้ ก็ไม่มาดีกว่า ตลาดแคบๆ คนแน่นๆ เบียดกันไปมา ไหนจะหลบรถเข็น รถมอเตอร์ไซค์ แถมของกินเล่นแบบที่เราชอบก็ไม่ค่อยมี การมาตลาดเก่าคือการทำหน้าที่ช่วยหิ้วของ

วันนี้ได้กลับมาตลาดเก่าอีกครั้ง ก้าวไปตามตรอกเดิมๆ แคบๆ แต่อยู่บนเส้นทางที่ยังไม่เคยเดินมาก่อน หยิบความเข้าใจใหม่ๆ กับมุมมองที่เปิดกว้าง ใส่ถุงผ้าที่เตรียมมาจนเกือบเต็ม

วันนี้การไปตลาดคือการได้ดูแลแม่ ได้เห็นแม่ที่แม้สูงวัย แต่ยังสดใส พุ่งทะยานไปข้างหน้า เดินเป็นชั่วโมงโดยไม่รู้เหน็ดเหนื่อย

เริ่มตระหนักแล้วว่าวาระของแม่คือการได้ดูแลลูกๆ ผ่านการจับจ่ายสินค้าสะอาด คุณภาพดี ในราคาเหมาะสม มาเตรียมเป็นอาหารอย่างสุดฝีมือ (แม่เคยบอกว่าต้องช่วยประหยัดเงิน ลูกๆ จะได้ไม่ต้องทำงานหนัก) นี่แหละคือความภูมิใจของแม่

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าแม่ชอบให้พวกเราไปเดินจ่ายกับข้าวด้วยกัน ชอบให้เรากินอาหารที่แม่เตรียมจนหมด มากกว่าให้เราพาไปกินอาหารอร่อยๆ (ตามความคิดของเรา) ในร้านอาหารหรูๆ แพงๆ (ตามความคิดของแม่)

ผมตั้งใจเดินตามหลังแม่เล็กน้อย คอยเก็บภาพความทรงจำอันงดงามนี้ไว้

ตลาดเก่าวันนี้ แม้ว่าจะเก่าสมชื่อ แต่เป็นตลาดแห่งความรักใหม่ๆ ความเป็นไปได้ใหม่ๆ ในความสัมพันธ์ของเรา

แม่หันมาฉีกยิ้ม “ไม่ได้ไปไหนใช่ไหม เดี๋ยวกลับบ้านจะไปทำก๋วยเตี๋ยวราดหน้าให้กินนะ” พร้อมชูถุงเส้นก๋วยเตี๋ยวเจ้าอร่อยที่สุดของเยาวราชให้ดู :-)

1 comments:

Halley said...

ช่วงกินเจ จะต้องมีอยู่ (อย่างน้อย) หนึ่งวันที่แม่จะนุ่งขาวห่มขาวไปศาลเจ้าแถวๆ ... แถวๆ ใกล้ๆ เยาวราช แล้วทุกปีแม่ก็จะชวน (แกมบังคับ เพราะผมไม่ไป) ผมไปทุกครั้ง

แม้แม่จะเลือกไปในเวลาใกล้ๆ เที่ยงคืน เพื่อคนจะได้ไม่เยอะแล้วก็ตาม แต่ทั้งควันธูป ทั้งคน ก็ทำให้ผมรีบเข้าไปรีบออกมาทุกครั้ง แถมยังช่วยแม่จัดข้าวของไหว้เจ้าแบบ "ขอไปที" แบบ "เร็วๆ ลวกๆ" ทุกครั้งไป (ปีหลังๆ ได้เก็บไอเท็มจากคลาสมาใช้บ้าง ก็ช้าลงหน่อย)

หลังๆ แม่เดินเยอะไม่ไหวแล้ว แทนให้ผมเข้าไปไหว้ข้างในแทน

นั่นสิเนอะ แม่ต้องมีที่มาที่ไป มีอะไรบางอย่างแหละที่ชวนผมไปทำบุญไหว้เจ้าทุกปี

กินเจปีนี้ ไหว้เจ้าปีนี้ ผมลอง "อยู่กับแม่" แบบ 100% มั่งก็ไม่เลว :)

ป.ล. ขอบคุณสำหรับการแบ่งปัน ที่เป็นแรงบันดาลใจให้ผม "ให้" แม่เหมือนที่ "ให้" คนอื่นๆ ครับ