ตีพิมพ์ในคอลัมน์จิตตปัญญา หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ กายใจ
ฉบับประจำวันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔
มีวิธีการอะไรบ้างที่เราทำเพื่อให้เราได้รับความรัก?
มีรูปแบบการกระทำไหนบ้างที่เราใช้แสดงออกถึงความรัก?
ในบรรยากาศวันวาเลนไทน์แบบนี้ วิธีการพื้นฐานที่ทุกคนเข้าใจร่วมกัน ไม่ค่อยมีใครเข้าใจผิดก็เช่น ติดสติกเกอร์สีแดงรูปหัวใจให้กัน ซื้อดอกกุหลาบสีแดงมาให้ ซื้อชอกโกแลตมาฝาก ดอกกุหลาบยิ่งใหญ่ ชอกโกแลตกล่องยิ่งโต แปลว่ายิ่งรักมาก
แต่ว่าในชีวิตประจำวันและแต่ละวันนั้น เราต่างคนล้วนมีวิธีการหรือการแสดงออกอันแตกต่างหลากหลายกันมาก ขณะที่น้อยคนนักจะสามารถเข้าใจในสิ่งที่เราทำให้แก่เขา ว่านี่แหละรัก
คนจำนวนมากจึงโกรธกัน โมโหกัน เกลียดกัน ก็เพราะไม่เข้าใจในวิธีการในการกระทำแสดงออกเนื่องจากต้องการมอบความรัก หรือต้องการร้องขอความรักจากอีกฝ่ายหนึ่ง
นักศึกษาหญิงคนหนึ่ง จิตใจอ่อนโยน เธออ่อนไหวต่อความรู้สึกของผู้คน พยายามจะดูแลคนใกล้ชิดทุกคน แต่คนที่เธอมักจะทำให้เขาเซ็งได้บ่อยๆ คืออาจารย์ผู้สอนนี่เอง เพราะเธอแทบไม่ยอมตอบ ไม่ยอมพูดอะไรในชั้นเรียนเลย ไม่ว่าไม้อ่อนหรือว่าไม้แข็ง เรียกก็แล้ว ชวนก็แล้ว ขู่ก็แล้ว
แต่ใครจะรู้ว่าที่เธอเงียบ ไม่ตอบคำถาม นั่นเป็นการกระทำสื่อว่าเธอต้องการได้รับความรัก ไม่ใช่ว่าเธอไม่พยายาม เธอพยายามมาก แต่เมื่อไม่รู้คำตอบจริงๆ และก็อยากจะเอาใจอาจารย์ แต่ไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร ตอบผิดไปก็เกรงว่าจะไม่เป็นที่รัก เลยทำเฉย นิ่งไว้ดีกว่า
เราทุกคนต้องการความรักจากคนอื่น แต่เรากลับอยากให้คนที่เรารักแสดงออกถึงความรักในวิธีการของเราเท่านั้น เหมือนกรณีนักศึกษาอยากให้อาจารย์รัก ก็เลยไม่ตอบถ้าไม่แน่ใจ ส่วนอาจารย์ก็หงุดหงิดไม่พอใจ เพราะนักศึกษาไม่ได้แสดงออกในวิธีการตนเอง คือการตอบทุกคำถาม ทั้งชั้นเรียนเลยอึดอัดอึมครึม ไร้บรรยากาศของความรัก
เราชอบแสดงความรักในรูปแบบวิธีการของเรา แต่หากเขาไม่เข้าใจ ไม่สามารถมองเห็นความรักที่อยู่ในวิธีการของเรา เราก็เศร้าเสียใจ น้อยใจ หรือพาลโกรธไปอีก
นักศึกษาชายอีกคน จิตใจงดงาม คุณค่าที่เขามีในชีวิตคือการช่วยเหลือผู้อื่น ขอให้เขาได้ทราบเถอะว่ามีใครกำลังเดือดร้อนเรื่องอะไร หากไม่เป็นเรื่องเหลือบ่ากว่าแรง ไม่สุดวิสัยแล้วล่ะก็เขาจะพยายามเต็มที่ เขาจึงเป็นที่รักของเพื่อนๆ
แต่สำหรับคุณแม่ของเขาเอง บางครั้งเขาก็ทำให้แม่จี๊ดมากๆ ด้วยการไว้ผมยาว ปล่อยหนวดเครารุงรัง ทั้งๆ ที่ก็ทราบว่าคุณแม่ไม่ปลื้มอย่างยิ่ง สาเหตุเพราะน้อยใจที่คุณแม่มักจู้จี้จุกจิกบังคับ เขาทำตัวอย่างนี้เพื่อส่งสัญญาณบอกให้แม่แสดงความรักในวิธีการแบบของเขา ไม่ใช่แบบของแม่ สุดท้ายเซ็งกันไปทั้งสองฝ่าย ทั้งที่ลึกๆ ทั้งคู่ก็รู้กันอยู่ว่ามีความรักให้กัน
คล้ายกับที่ผมเคยจี๊ดคุณพ่อ “นี่ เช็คน้ำมันเครื่องหรือยัง” ท่านมักจะถาม พอได้ยินคำถามนี้เท่านั้น โอ๊ย ... มันจี๊ดครับ “นี่ก็เพิ่งจะเช็คให้ดูไปเมื่อไม่กี่วันมานี่เองไง จำไม่ได้หรือไง” ผมนึกในใจ แต่ปากบอกออกไปว่า “เช็คแล้วครับ” เหตุการณ์ทำนองนี้เคยเกิดขึ้นบ่อยครั้งมาก เรียกว่าแทบจะสัปดาห์ละหลายๆ ครั้ง เดี๋ยวถามเรื่องเช็คลมยางบ้าง เติมน้ำมันบ้าง เช็คน้ำกลั่นหม้อแบตเตอรี่บ้าง น้ำที่ปัดน้ำฝนบ้าง เล่นเอาผมมึนไปบ้างบางครั้ง โดยเฉพาะตอนรีบๆ เพราะเกรงว่าจะไปทำงานสาย ผมเคยสงสัยว่าคุณพ่อเป็นอัลไซเมอร์หรือความจำเลอะเลือนหรือเปล่า ถึงได้ถามบ่อยๆ เกือบทุกวัน ไม่เบื่อบ้างหรือไง ผมยังเบื่อเลย
ไม่กี่ปีมานี้ถึงเข้าใจ ก่อนหน้านี้ผมไม่เห็นเลยว่านั่นเป็นวิธีบอกรักบอกความใส่ใจของคุณพ่อ
ผมเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่าความไม่เข้าใจและอาการจี๊ดจะลดลงหรือหมดไปได้ หากเราหมั่นฝึกฝนมองและเตือนตนเองอยู่เสมอๆ ว่าคนเรานั้นมีหลายวิธีการที่จะสื่อสารความรัก เราต้องเปิดโอกาสให้ตนเองได้เข้าถึงและสามารถรับความรักจากผู้อื่นในหลากหลายรูปแบบ เราจะไม่บังคับหรือคาดหวังให้เขาส่งความรักมาเฉพาะในช่องทางที่เราเลือก
ดูเหมือนว่ามันจะยาก แต่มันไม่เกินความสามารถของเราหรอกครับ
เพราะผมเชื่อว่าอะไรก็เป็นไปได้เสมอสำหรับความรัก
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
0 comments:
Post a Comment