ตีพิมพ์ในคอลัมน์จิตวิวัฒน์ หนังสือพิมพ์มติชน
ฉบับประจำวันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔

หญิงสาวผู้หนึ่งนอนราบอยู่กับพื้น ดูอ่อนเพลีย เหงื่อออกจนโทรมกาย สักพักเธอร้องโหยหวนราวกับเจ็บปวด หายใจเข้าออกอย่างแรง ชีพจรเธอเต้นเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ ความดันโลหิตสูงปรี๊ด เธอดิ้นบิดตัวอย่างทรมาน ที่พื้นมีเลือดของเธอที่ไหลซึมออกมาไม่หยุด

ลองจินตนาการภาพหญิงผู้นี้ดูสิครับ หากเป็นเรา เราจะดูแลเธออย่างไร ด้วยท่าทีอย่างไร

ลองซูมภาพมายังโลก ดาวเคราะห์ที่อยู่ห่างจากดวงอาทิตย์กำลังดี ไม่ร้อน ไม่หนาวจนเกินไป ก่อให้เกิดสิ่งมีชีวิตที่อยู่อาศัยร่วมโลกใบเดียวกันนี้กว่าสามสิบล้านชนิด ขณะนี้โลกใบกลมกำลังตัวร้อน อุณหภูมิเพิ่มขึ้นสูงอย่างรวดเร็ว เมื่อเทียบกับปีก่อนๆ หน้า สาหร่ายที่อาศัยอยู่ในปะการังล้มหายตายจาก จนสีสันสวยงามของเหล่าปะการังหายไป แหล่งเพาะพันธุ์ปลาและสัตว์ทะเลอื่นๆ กลายเป็นสุสานร้างใต้น้ำสีซีดยาวสุดลูกหูลูกตา บนบกก็อุณหภูมิสูงไม่แพ้กัน น้ำแข็งที่ยอดเขาและขั้วโลกทั้งสองละลายไวเหมือนไอศกรีมนอกตู้แช่ พายุฝนแต่ละปีก็รุนแรงขึ้น ปรากฏการณ์ Cloud Burst ทำให้ลำธารที่เคยไหลรินกลายเป็นเชี่ยวกราก เอ่อล้นเข้าท่วมบ้านเมืองและคร่าชีวิตผู้คน แม้กระทั่งอาณาจักรลาดัก ติดประเทศทิเบต บนเทือกเขาหิมาลัย ที่อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลถึง ๓ กิโลเมตร ไม่เฉพาะแต่เทือกเขาสูงบริเวณหลังคาโลก ภูเขาในไทยแต่ละลูกก็ถูกตัดไม้จนหัวโล้น เหลือป่าเฉพาะในเขตอนุรักษ์เป็นหย่อมๆ เท่านั้น ฝนตกแต่ละฤดูชะเอาหน้าดินไหลออกสู่ทะเลแดงฉานน่ากลัว

ลองจินตนาการภาพโลกใบนี้ดูสิครับ หากเป็นเรา เราจะดูแลโลกใบนี้อย่างไร ด้วยท่าทีอย่างไร

บางคนอาจจะคิดว่าเธอเป็นโรคร้ายแรง เป็นมะเร็งรักษาไม่หาย มีโรคแทรกซ้อนรุมเร้ามากมาย อาการกำลังกำเริบหนัก เขาอาจจะพยายามให้เธอกินยา ฉีดยา แถมด้วยให้ยาทางสายน้ำเกลือ อุณหภูมิที่สูงก็ต้องรีบลด หาผ้าเย็นมาเช็ดลำตัว ที่ความดันสูงก็ต้องดูแลให้ยา ที่เลือดไหลก็ต้องรีบห้ามเลือดกันจ้าละหวั่น

แต่บางคนที่สังเกตเห็นอะไรบางอย่างที่มากไปกว่านั้น เห็นท้องที่ใหญ่โตของเธอ พบสัญญาณชีพเล็กๆ ในนั้น ด้วยการมองเห็นนี้ มันทำให้พวกเขาคิดมีวิธีดูแลเธอที่ต่างออกไป ตระเตรียมอุปกรณ์ที่เหมาะสม กรรไกร ลูกยางแดง พยายามพูดคุยให้กำลังใจเธอที่จวนเจียนเหมือนจะหมดลม ราวกับจะขาดใจ แต่สักพักทุกคนก็ได้ยินเสียงร้องไห้จ้าของทารกแรกเกิดตัวน้อย

บางคนอาจจะคิดว่าโลกกำลังเป็นป่วยไข้ร้ายแรง เป็นมะเร็งรักษาไม่หาย มีโรคแทรกซ้อนรุมเร้ามากมาย อาการกำลังกำเริบหนัก ด้วยมุมมองนี้ ได้ทำให้พวกเขาพยายามเยียวยารักษาโลกจากอาการต่างๆ นานาเหล่านั้น ด้วยการให้ยา ใส่สารเคมีให้มากเข้า มีทั้งปุ๋ย ยาฆ่าแมลง ยาฆ่าวัชพืช เพื่อเพิ่มผลผลิตให้มากขึ้น หรือต้องผ่าตัดใหญ่ สร้างเขื่อน ทำทางระบายน้ำ เพื่อจัดการกับน้ำท่วม บางคนเห็นว่าอาการโลกตัวร้อน นี้ต้องฉีดสารเคมีประเภทซัลเฟอร์เข้าไปในชั้นบรรยากาศ เพื่อลดแสงอาทิตย์ บ้างก็ว่าต้องให้ทะเลกินธาตุเหล็ก เพื่อให้แพลงก์ตอนพืชที่อยู่ในท้องทะเลมากขึ้น โตเร็วขึ้น จะได้ดูดเอาคาร์บอนไดออกไซด์ที่เกิดจากการเผาเชื้อเพลิงที่เราใช้กันและเป็นเหตุให้โลกร้อนออกจากชั้นบรรยากาศมากขึ้น ไปถึงกระทั่งผู้คนบางกลุ่มบางประเทศที่คิดและเชื่อว่าจะต้องกำจัดสิ่งมีชีวิตบางชนิด คนบางเผ่าพันธุ์ให้สิ้นไปจากโลก อาการของโลกจึงจะดีขึ้น พวกเขาสะสมอาวุธมากขึ้นๆ จนมีปริมาณที่สามารถทำสงครามฆ่ามนุษย์ทั้งโลกได้หลายรอบ

แต่อาจยังมีบางคนที่ชี้ชวนกันให้สังเกตและเฝ้าติดตามสัญญาณบางอย่างที่ค่อยๆ เกิดขึ้น จนขยายวงกว้างออกไปเรื่อยๆ เขาเหล่านี้อาจบอกว่า ขอให้ดูสถานการณ์การเติบโตของขบวนการส่งเสริมสุขภาพองค์รวม การส่งเสริมสันติภาพ ความกระตือรือร้นและความสนใจของผู้คนต่อการพัฒนาทางจิตวิญญาณ การเรียนรู้ด้านในของตน การมีจิตวิวัฒน์และจิตตปัญญาในการใช้ชีวิต

ด้วยการมองเห็นนี้ ทำให้พวกเขาตระเตรียมหาอุปกรณ์ และประกอบสร้างโครงสร้างที่เหมาะสม เยียวยาอาการป่วยไข้ของโลกบนวิธีคิดที่ต่างออกไป ไม่เพียงจัดการดูแลปัญหาสิ่งแวดล้อม ปัญหาทางการเมือง แต่ฟูมฟักเอื้อเฟื้อให้การเปลี่ยนแปลงทางจิตวิญญาณได้เติบโต เป็นความพยายามประคับประคองโลกและมนุษยชาติที่เหมือนจะกำลังไปไม่รอดแล้ว แต่อีกไม่นานเขาอาจได้เห็นการเกิดขึ้นของกระบวนทัศน์ คำอธิบาย และแนวทางการอยู่ร่วมกันใหม่ ที่ไม่เพียงแก้ไขปัญหาความสัมพันธ์เดิม แต่รวมถึงการสร้างเสริมความสัมพันธ์ใหม่ และสิ่งใหม่ๆ ด้วย

อะไรคือความสามารถในการจำแนกแยกแยะคนเป็นมะเร็งกับคนตั้งครรภ์ออกจากกัน

อะไรคือความสามารถในการจำแนกแยกแยะสังคมที่กำลังตกต่ำแตกหักล่มสลายกับสังคมที่กำลังเปลี่ยนผ่านไปสู่ความสัมพันธ์ใหม่ที่ทุกคนสามารถอยู่ร่วมกันได้

ความขัดแย้งที่เกิดขึ้น อุณหภูมิการเมืองทั้งในระดับท้องถิ่น ระดับประเทศ และระดับนานาชาติที่เพิ่มขึ้น เศรษฐกิจที่เสียหาย ผู้คนที่ล้มตาย เป็นเพราะโรคร้ายรักษาไม่หายเกาะกิน หรือเป็นอาการ เป็นสัญญาณการเปลี่ยนผ่านของระบบความคิดความเชื่อชุดเดิม ที่คับแคบ ไม่สามารถอธิบายและรองรับความจริงที่ซับซ้อนได้

จากความคิดความเชื่อที่เห็นโลกเป็นส่วนสุดสองด้าน ขาว-ดำ ฉันถูก-แกผิด ต้องมีผู้แพ้-ต้องมีผู้ชนะ ตีความทฤษฎีวิวัฒนาการของ ชาลส์ ดาร์วิน (อย่างผิดๆ) ว่าเป็นการอยู่รอดของสิ่งมีชีวิตที่แข็งแรงที่สุด (Survival of the Strongest) ต้องโหดร้ายรุนแรงเข้มแข็งเท่านั้นจึงจะอยู่รอดได้

ไปสู่ความคิดความเชื่อที่เห็นโลกอยู่ในสมดุลของความสัมพันธ์ที่สลับซับซ้อน มีเฉดสีต่างๆ มากมายที่อยู่ร่วมกันอย่างบรรสานสอดคล้องเหมือนรุ้งบนท้องฟ้าที่กว้างขวางพอสำหรับรุ้งมากกว่าหนึ่งตัวด้วย ไม่จำเป็นต้องมีตัวเดียวโดดๆ ทุกฝ่ายสามารถเป็นเจ้าของชัยชนะร่วมกันได้ เห็นความดีในกันและกัน เห็นความจำเป็นและความงามในการดำรงอยู่ร่วมกัน เข้าใจทฤษฎีวิวัฒนาการของ ชาลส์ ดาร์วิน (อย่างถูกต้อง) ว่าเป็นการอยู่รอดของสิ่งมีชีวิตที่เหมาะสมที่สุด (Survival of the Fittest) ต้องรู้จักปรับตัว ช่วยเหลือสนับสนุนกันด้วยจึงจะอยู่รอด และยิ่งไปกว่านั้น รู้ด้วยว่ามีความสัมพันธ์อย่างไร จึงจะสามารถทั้งอยู่รอด อยู่ร่วม และอยู่อย่างมีความหมาย

นอกเหนือไปจากใจและทักษะที่จะผ่า กำจัด ทำลาย ที่เราคุ้นเคยกันมากแล้ว เห็นสิ่งที่อยู่ในมือเป็นของมีเหลี่ยมมีคม เป็นมีดเป็นค้อน เห็นอะไรก็จะแทง จะตัด จะทุบไปหมด เราอาจจะต้องเรียนรู้ที่จะฝึกทั้งใจและทักษะที่จะประกอบสร้าง ปลูกฝัง บ่มเพาะ ไปจนถึงทำคลอดกระบวนทัศน์ใหม่

ความสามารถในการจำแนกแยกแยะและสังเกตเห็นสิ่งที่แตกต่างนี้ อาจจะไม่มีวันเกิดขึ้นเลยก็ได้ ถ้าเราไม่เคยริเริ่มจะมองหา หรือไม่คิดแม้แต่ว่ามันจะมีหวัง

หากเราเริ่มมองหา เราอาจจะเริ่มมองเห็นก็ได้

การดูแลหญิงสาวผู้ป่วยหนักอย่างเข้าใจและตระเตรียมการกำเนิดใหม่ของชีวิตน้อยๆ อาจจะเป็นรูปธรรมตัวอย่างของการมองหาความรู้ทางการแพทย์และประสบการณ์ เพื่อให้เราได้มองเห็นโอกาสความเป็นไปได้ นอกเหนือไปจากปัญหา

แต่การดูแลเยียวยาโลกทั้งใบ ที่เป็นเสมือนคนไข้ขนาดยักษ์และมีความสลับซับซ้อนยิ่งกว่ามากมายนี้ สิ่งที่เรากำลังมองหาอาจไม่ใช่แค่ความรู้ทางเทคนิค ไม่ใช่แค่ประสบการณ์จากการแก้ปัญหาก่อนหน้า เพราะสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนี้มันเกินไปกว่าความรู้เดิมๆ ประสบการณ์เดิมๆ ที่เราเคยใช้กันมา

เราอาจจะต้องมีสายตาที่เห็นกว้างไปกว่าแค่ปัญหาเฉพาะหน้า มีใจที่เปิดรับได้มากกว่าแค่เรื่องราวที่เราคุ้นเคยและเชื่อตามกันมา และมีชีวิตที่สัมพันธ์เชื่อมโยงกับโลก เมื่อนั้นหรือเปล่า เราถึงจะเห็นโอกาสการกำเนิดใหม่ พร้อมกับสามารถประคับประคองอาการป่วยไข้ไปด้วยได้อย่างเหมาะสม

ถ้าเราเริ่มมองหา เราก็จะมองเห็น และสร้างความเป็นได้สำหรับทุกชีวิตบนโลกใบนี้ขึ้นมา

แม้เวลาของเราจะเหลือน้อย แต่ทางรอดของเราก็ยังพอจะมีครับ

0 comments: