ตีพิมพ์ในคอลัมน์จิตตปัญญา หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ กายใจ
ฉบับวันที่ ๑๕ มกราคม ๒๕๕๕
ตัวเลขบางตัวมีความหมายในเชิงสังคมวัฒนธรรมที่สำคัญในตัวมันเอง เช่น หากพูดว่า “พร้อมรับปีใหม่” ขึ้นมาในวงสนทนา ผู้ร่วมวงก็อาจรู้สึกเฉยๆ แต่ถ้าพูดว่า “พร้อมรับปีใหม่ 2012” คาดว่าบางคนอาจ “จิ้น” (อิมเมจิ้น-จินตนาการ) ไปได้ไกลใช่ไหมครับ
วันขึ้นปีใหมที่ผ่านมา ผมได้เชิญชวนให้ลองตั้งปณิธานปีใหม่ New Year’s resolution พร้อมเสนอปณิธานร่วมสมัยต้อนรับปี 2012 ว่า “จะเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับภัยพิบัติ” กันอย่างไรดี ซึ่งการเตรียมพร้อมกายหรือทางโลกนั้นได้ลองแบ่งปันไปแล้ว ลองมาดูทางใจกันบ้าง
การเตรียมความพร้อมทางใจ ถ้าพูดแบบเข้าเป้าตรงประเด็นเลย ก็คือ การเตรียมตัวยอมรับความตาย นั่นเองครับ (บอกแบบนี้ก็ใช่ว่าปี 2012 นี้เราจะต้องตายกันยกโขยงพร้อมกันเสมอไปนะครับ เท่าที่ทราบตอนนี้ก็ยังไม่มีใครที่มีข้อมูลที่ยืนยันได้ 100%)
การเตรียมตัวตายเป็นการเตรียมตัวที่ดีที่สุดอย่างหนึ่งของมนุษย์เลยทีเดียว และไม่ใช่เฉพาะสำหรับรับภัยพิบัติเท่านั้น เป็นสิ่งที่ผู้รู้จำนวนมากกล่าวสรรเสริญเอาไว้ ทางพุทธศาสนามีคัมภีร์เขียนกันไว้มากถึงแนวคิดและวิธีปฏิบัติมรณานุสติ ซึ่งเป็นการเจริญสติที่เชื่อว่าเหมาะสมทันยุคทันสมัย 2012 อย่างยิ่ง
มรณานุสติมิได้หมายถึงการครุ่นคิดหดหู่ไม่เป็นทำอะไร แต่เป็นการระลึกนึกถึงความตายว่าเป็นของธรรมดา ซึ่งหากพิจารณาบ่อยๆ จะทำให้เกิดประโยชน์อย่างยิ่งคือทำให้เป็นคนไม่ประมาท
ยิ่งหากเป็นคนที่เชื่อเรื่องชาตินี้ชาติหน้า ก็จะไม่หลงระเริงเล่นสนุก หรือเอาแต่ทำงานโดยไม่สนใจสิ่งรอบตัว แต่จะเร่งทำความดี เพื่อเป็นทุนรอนต่อไปภพหน้า
ถึงแม้จะไม่เชื่อเรื่องการเวียนว่ายตายเกิด การเตรียมตัวตายก็ยังมีประโยชน์ ดังที่พระไพศาล วิสาโล เคยกล่าวไว้ว่า หากเรารู้ว่าเราอยากจะตายอย่างไร เราก็จะรู้ว่าเราต้องอยู่อย่างไร เพราะถ้าจะรอไปเตรียมช่วงภัยพิบัติมาก็มีแนวโน้มว่าจะไม่ทัน
คนที่มีชีวิตอยู่ด้วยความหงุดหงิด โกรธเกรี้ยวโมโหง่าย ก็มีแนวโน้มว่าจะจากไปพร้อมๆ กับความคับข้องเห็นอะไรขวางหูขวางตาไปหมด การมีโทสะเป็นเจ้าเรือน ย่อมร้อนเนื้อร้อนใจไม่ว่าจะอยู่หรือจะไป
คนที่มีชีวิตอยู่อย่างยึดติด ห่วงนู่นห่วงนี่ ห่วงบ้าน ห่วงรถ ห่วงเงินทอง ห่วงหน้าตา ห่วงชื่อเสียง ห่วงลูก ห่วงพ่อแม่ ก็มักต้องตายพร้อมกับภาระในใจ หนักเท่าใดก็ตามจำนวนห่วงที่แบกอยู่ทุกวัน
คนที่ไปดี ไปอย่างสงบ ไม่ใช่เพราะเตรียมตัวพร้อม หากแต่ด้วยเพราะเตรียมใจพร้อม
ยิ่งเรายอมรับความตายได้เร็วเท่าใด เรายิ่งมีโอกาสที่จะเลือกใช้ชีวิตทุกชั่วขณะอย่างมีคุณค่า เราจะเลิกดิ้นรน เลิกเตรียมการมากมาย (เกินไป) เพื่อต่อสู้ยื้อยุดเพื่อให้ไม่ตาย แต่จะกลับมาใส่ใจกับการใช้ชีวิตอย่างมีความหมายในทุกๆ วัน และในทุกๆ ลมหายใจ
เพราะนี่คือโอกาสกลับไปดูแลความสัมพันธ์กับคนที่เราให้ความสำคัญ คนที่รักเรา คนที่เรารัก และผู้คนอื่นๆ รอบตัวเรา ในทางกลับกัน ความสัมพันธ์ที่ได้รับการเยียวยาฟื้นฟูจะยิ่งทำให้เรามีความพร้อมทางใจมากขึ้นด้วย
สิ่งสำคัญ คือ การฝึกให้รู้ตัวเอง หรือการเจริญสติ เพราะเป็นทางที่ทำให้เราเกิดอิสรภาพในทันที หลุดพ้นจากความบีบคั้นของเวลา เข้าถึงความสงบ ความสุข ไม่ว่าอยู่ในสถานการณ์ใดๆ
การเตรียมการเรื่องอื่นๆ นั้นไม่รู้จบ แต่หากเราได้เตรียมใจ ยอมรับความตายนั้นทำให้จบได้ จิตไม่ติดค้าง เพราะทำให้เราได้ดูแลเรื่องความสัมพันธ์ มีสติ รู้เนื้อรู้ตัวเสมอๆ น่าจะได้ชื่อว่าเป็นผู้พร้อมแล้วอย่างยิ่ง
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
0 comments:
Post a Comment