ตีพิมพ์ในคอลัมน์จิตตปัญญา หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ กายใจ
ฉบับวันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๕๔
วสันตฤดูเป็นฤดูสำคัญของพืช ต้นไม้ได้น้ำเพียงพอที่จะทำอะไรหลายๆ อย่าง
พืชที่โตแล้ว มีคาร์บอนไดออกไซด์ในอากาศอยู่ตลอด ไม่ต้องไปแย่งดิน แย่งแสงแดดกับใคร แต่ต้องมีน้ำจึงจะสามารถสังเคราะห์แสงได้ ถ้าไม่มีน้ำก็ไม่สามารถสร้างอาหารคือน้ำตาล อีกทั้งไม่สามารถผลิตออกซิเจนที่ทำสิ่งมีชีวิตอื่นๆ อีกมากใช้หายใจได้
ฤดูฝนจึงเป็นช่วงที่ต้นไม้เร่งรีบเติบโต สร้างใบไว้ผลิตอาหาร อาหารที่ผลิตได้ก็ใช้เพื่อเจริญเติบโตนี่แหละ
อาหารส่วนที่เหลือจะถูกเก็บเป็นทุนในการอยู่รอด เพราะเมื่อปลายฤดูฝนมาถึง กว่าจะได้น้ำมากๆ อีก ก็อาจจะเป็น ๗-๘ เดือนข้างหน้า ต้นไม้จะผ่านฤดูหนาวและฤดูร้อนอันยาวนานไปได้หรือไม่ ส่วนหนึ่งก็ขึ้นกับในฤดูฝนนั้นต้นไม้เป็นอย่างไร
ถ้าต้นไม้ต้องการฝน จิตใจของคนล่ะต้องการอะไร?
คำถามนี้ผุดขึ้นมาระหว่างนั่งชื่นชมสายฝนที่โปรยปรายลงมาในวันแรกๆ ของพรรษา
ใจของเรา บางครั้งก็ต้องเผชิญเรื่องราวยากๆ ในชีวิต อาจเป็นเรื่องการเรียนการสอบ การทำงานการประเมิน กิจวัตรประจำวันที่ดูเหมือนต้องเร่งไม้เร่งมือขึ้นทุกวัน แต่ยิ่งเร่งดูเหมือนยิ่งทำไม่ทัน อาจเป็นเรื่องครอบครัว ความบาดหมางไม่เข้าใจกันระหว่างคนที่เรารัก หรือบางทีก็กับตัวเราเอง หรืออาจเป็นเรื่องสุขภาพ การเจ็บป่วยหรือล้มหายตายจากของคนใกล้ชิด บางเหตุการณ์แค่ไม่กี่วัน แต่บางเหตุการณ์ก็ต่อเนื่องยาวนานหลายเดือนหรือหลายปี
เราจะผ่านช่วงเวลายากๆ เหล่านั้นได้ โดยไม่ใช่แค่อยู่รอดอย่างเดียว แต่ยังคงความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์อยู่ด้วยได้หรือไม่ ส่วนหนึ่งก็ขึ้นกับว่าในช่วงก่อนสถานการณ์ยากๆ เหล่านั้นเราทำอะไร อาศัยต้นทุนที่เราเคยฝึก เคยหัด มาช่วงก่อนหน้านี้เท่านั้น ที่จะทำให้เรายังดูแลกาย ดูแลใจ ไม่ให้คิด พูด หรือทำอะไรที่ไม่เหมาะไม่ควรลงไป
เมื่ออยู่ในสถานการณ์ยากๆ เราจะมาเริ่มต้นฝึกเรียนรู้ที่จะมีสติ เท่าทันอารมณ์ความรู้สึกของเราได้ลำบาก เราจึงควรหมั่นที่จะเท่าทันความคิดความรู้สึกตนเองเสมอๆ เมื่อมีโอกาส
หากต้นไม้ต้องการความชุ่มชื่นจากฝน ใจของคนก็ต้องการความชุ่มชื่นจากความสงบภายใน
ยามที่ฝนมา ต้นไม้ถือโอกาสได้เจริญเติบโต สร้างความอุดมสมบูรณ์ให้ตนเอง ฉันใดก็ฉันนั้น เมื่อยามเข้าพรรษา ผู้คนควรได้ใช้โอกาสนี้เจริญเติบโตทางสติปัญญา ทางจิตวิญญาณ สร้างเสริมความมั่นคงภายใน
ผู้อยู่ในเพศบรรพชิตก็รวมตัวกันอยู่ในวัดในสถานปฏิบัติธรรม ตั้งใจฝึกฝนทั้งด้วยตนเองและกับครูบาอาจารย์ พวกเราส่วนใหญ่ที่เป็นฆราวาสใช่ว่าจะไม่สามารถรวมตัวกันฝึกฝนได้
ในโลกของเครือข่ายทางสังคม เช่น เฟซบุ๊ก ก็มีกลุ่มที่ตั้งขึ้นมาเพื่อสนับสนุนกันและกัน อย่างเช่น กลุ่ม (page) “เพื่อนภาวนา” ก็จัดกิจกรรม “เข้าพรรษาภาวนาด้วยกัน” เชิญชวนให้เพื่อนๆ มากด Like แล้วตั้งปณิธานเข้าพรรษาว่าจะทำอะไรดีๆ กันบ้าง
มีเพื่อนจำนวนไม่น้อยที่ให้คำมั่นสัญญากันว่าจะภาวนาทุกวันตลอดพรรษานี้ หลังจากได้อ่านได้ฟังกันมาทั้งชีวิต จะขอเรียนรู้เติบโตไปด้วยกัน ผ่านการลงมือทำด้วยตนเอง
หลายคนเคยลองทำเองคนเดียว แล้วก็ทำๆ หยุดๆ ลงเอยหยุดมากกว่าทำ คือหยุดไปเลย มาพรรษานี้ตั้งใจร่วมกัน เชื่อว่าพลังของกลุ่มจะนำช่วยนำพาไปให้ตลอดรอดฝั่ง
วสันตฤดูพรรษานี้จึงมีอะไรน่าสนใจเกิดขึ้นมากมาย ต้นไม้ก็เติบโตไปพร้อมๆ กับมนุษย์ ที่ต่างเกี่ยวเนื่องสัมพันธ์และอาศัยซึ่งกันและกัน
โอกาสของต้นไม้คือหน้าฝน โอกาสของคนก็คือเข้าพรรษา
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
0 comments:
Post a Comment